ในปีที่ผ่านมาเป็นปีแห่งความผันผวนของวงการเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงินหรือวงการฟินเทค (FinTech) ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมนี้ยังคงมีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์การออกเสียงประชามติในเรื่อง Brexit และการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกาดูเหมือนจะทำให้นักลงทุนเป็นจำนวนมากตัดสินใจหยุดการลงทุนและหันกลับมาทบทวนเรื่องการลงทุนในยุโรปและอเมริกาเหนือ จากสถิติของ KPMG และ CB Insights เกี่ยวกับเรื่องของการลงทุนในบริษัทฟินเทคช่วงไตรมาสที่สามของปี 2559 มีสัดส่วนไม่ถึงครึ่งเมื่อเทียบกับปี 2558
ด้วยสภาวะการณ์ที่ไม่ค่อยมีความแน่นอนทางการเมือง จึงยากขึ้นไปอีกที่จะบอกได้ว่านับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับอุตสาหกรรมฟินเทค และในปี 2560 นี้เองเราขอเน้นการคาดการณ์ประเด็นสำคัญ ๆ ดังนี้
1. การใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือและระบบไร้สัมผัส (contactless) จะยังคงเติบโตต่อไป
แอปพลิเคชันการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ อย่าง Apple Pay, Google Wallet และ Venmo ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการชำระเงินของเราจากหน้ามือเป็นหลังมือ ในปี 2560 แอปพลิเคชันเหล่านี้พร้อมจะประสบความสำเร็จมากกว่าเดิม ปัจจุบัน การชำระเงินระหว่างโทรศัพท์มือถือกลายเป็นเรื่องง่ายและมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าเมื่อก่อน และจากการศึกษา ABI Research คาดการณ์ว่าการชำระเงินแบบไร้สัมผัสจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 2560 มีแม้กระทั่งข้อชวนคิดว่าความล้ำหน้าในการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถืออาจทำให้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตหายไปทั้งคู่ก็เป็นได้
2. มีความโปร่งใสต่อผู้บริโภคมากขึ้น
ในสหราชอาณาจักร จะต้องมีการปฏิบัติตามคำสั่ง The Second Payment Services Directive (PSD2) ภายในวันที่ 13 มกราคม 2561 ตามคำสั่งนี้ ธนาคารจะต้องเปิด account interface เพื่อเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่อการชำระเงินที่ออกมาใหม่ ดังนั้น บริษัทฟินเทคก็มีโอกาสที่จะเป็นพันธมิตรกับธนาคารเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นแก่ลูกค้าและเพิ่มความโปร่งใสด้านการดำเนินงานและโครงสร้างค่าธรรมเนียม เจตนาก็เพื่อส่งเสริมการแข่งขันและสร้างทางเลือกที่ดีกว่าให้ผู้บริโภค แต่ก็อาจเพิ่มปัจจัยด้านความเสี่ยง เพราะว่าผู้บริโภคอาจต้องถามตัวเองว่าแอปพลิเคชันเพื่อการชำระเงินที่ใช้อยู่นั้นถูกต้องตามกฎหมายจริง ๆ หรือไม่
3. ระบบรักษาความปลอดภัยจะมีความสำคัญมากขึ้น
กิจกรรมที่เพิ่มขึ้นในภาคฟินเทคทำให้เกิดความเสี่ยงเกี่ยวกับการฉ้อฉล (fresh fraud) และในปี 2559 เราได้เห็นข้อมูลในหน่วยงานรัฐบาลและบริษัทค้าปลีกรั่วไหล (ที่เห็นชัด ๆ ก็คือ Tesco Bank และ Three) เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ความต้องการบริการด้านระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ในปัจจุบัน บริษัทสตาร์ทอัพด้านฟินเทคต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษ (The Bank of England) ประกาศว่ากำลังร่วมกับบริษัทฟินเทคหลายแห่งในการหาทางต่อสู้กับการฉ้อฉล
4. เทคโนโลยีบล็อกเชนจะกลายเป็นเทคโนโลยีกระแสหลัก
บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งสร้างตัวช่วยการโอนเงินที่มีความปลอดภัยสูงกว่าแต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่า ก็พร้อมจะได้รับความนิยมมากขึ้นในปีนี้ บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่เขย่าวงการแห่งปี 2559 และบล็อกเชนได้สร้างความสำเร็จให้แก่สกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies) อย่างบิทคอยน์ (Bitcoin) รวมทั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้านฟินเทคและแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ของฟินเทคเป็นจำนวนมาก เทคโนโลยีนี้ประกอบด้วยบล็อกที่เก็บธุรกรรมที่สมบูรณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดที่มีการบันทึกเวลาเป็นชุดๆ โดยบล็อกเชนจะสร้างห่วงโซ่ ซึ่งแต่ละบล็อกจะเสริมบล็อกก่อนหน้านี้ ในปี 2560 บล็อกเชนมีแนวโน้มที่จะขยายตัวไปไกลกว่าฟินเทคและสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงขยายไปสู่ขอบข่ายของธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ การซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินต่าง ๆ (FX) และบริการเพลงสตรีมมิ่ง
5. การลงทุนและนวัตกรรมในแอฟริกาเพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน แม้ว่าโทรศัพท์มือถือในแอฟริกาใต้และไนจีเรียนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปเหมือนในสหรัฐอเมริกา แต่จริง ๆ การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือพบได้ค่อนข้างน้อยในแอฟริกา เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในแอฟริกาไม่มีบัญชีธนาคารและกว่าร้อยละ 90 ของการชำระเงินเป็นการชำระด้วยเงินสด
เราคาดการณ์ว่าบริษัทฟินเทคจะวางแผนพุ่งเป้าไปที่ตลาดแอฟริกาและตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ตลอดช่วงปีนี้ เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ในแอฟริกายังไม่เคยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านบัตรเครดิต บริษัทฟินเทคจึงมีโอกาสที่จะเลี่ยงไม่ใช้รูปแบบการชำระเงินผ่านบัตรแบบทั่วไปแล้วให้บริการด้านการเงินแก่ผู้บริโภคหลายล้านคนที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงบัญชีธนาคาร บริษัทสตาร์ทอัพด้านฟินเทคบางรายพยายามหาประโยชน์จากตลาดที่ส่วนใหญ่ยังไม่มีผู้ให้บริการ ทั้ง Nomanini บริษัทแอฟริกาใต้ผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน ที่สามารถทำให้คนทำธุรกรรมในภาคการค้าปลีกนอกระบบโดยใช้เงินสด BitPesa บริษัทจากเคนยาซึ่งให้บริการแลกเปลี่ยนบิทคอยน์ (bitcoins) เป็นเงินสกุลท้องถิ่นของแอฟริกา รวมทั้ง Zeepay บริษัทสัญชาติกานาที่ให้บริการด้านการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ
6. การต่อสู้เพื่อแย่งชิงบุคลากรที่มีความสามารถสูง
ความต้องการเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นชี้ให้เห็นว่าธนาคารและบริษัทฟินเทคมีแนวโน้มจะเพิ่มการดำเนินงานเพื่อสรรหาบุคคลที่มีทักษะเหมาะสม รวมทั้งมีความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินจริง ๆ และว่าย่อมจะเกิดการต่อสู้แย่งชิงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence หรือ AI) หุ่นยนต์ การเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ และการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์อย่างแน่นอน
ที่มา:
Reed Smith